นี่คือช่วงที่ร่างกายเริ่มปรับตัวและเตรียมพร้อมสำหรับการออกกำลังกาย
| เวลา | สิ่งที่เกิดขึ้นและประโยชน์ |
| นาทีที่ 1 - 2 | อัตราการเต้นของหัวใจเริ่มสูงขึ้นเล็กน้อย เลือดไหลเวียนไปสู่กล้ามเนื้อมากขึ้นเพื่อเตรียมพร้อม |
| นาทีที่ 3 - 5 | ความดันโลหิตเริ่มลดลงทันที ร่างกายปล่อยสารเคมีที่ช่วยลดความตึงเครียด อารมณ์ดีขึ้น และเริ่มรู้สึกสดชื่น |
นี่คือช่วงที่ร่างกายเข้าสู่โหมดแอโรบิกอย่างเต็มตัว และเริ่มดึงพลังงานมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
| เวลา | สิ่งที่เกิดขึ้นและประโยชน์ |
| นาทีที่ 6 - 10 | การเผาผลาญไขมันเริ่มทำงาน: ร่างกายเริ่มดึงไขมันที่สะสมมาใช้เป็นพลังงานร่วมกับน้ำตาล |
| นาทีที่ 11 - 20 | ดีต่อสุขภาพหัวใจและปอด: อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น ลดระดับน้ำตาลในเลือด ได้อย่างมีนัยสำคัญ |
| นาทีที่ 21 - 30 | ประโยชน์สูงสุดขั้นพื้นฐาน: การเดินต่อเนื่อง 30 นาทีช่วย ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และ โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูงอย่างชัดเจน |
เมื่อเดินเลย 30 นาทีไปแล้ว ร่างกายจะดึงพลังงานจากไขมันที่สะสมมาใช้มากขึ้นเรื่อยๆ
| เวลา | สิ่งที่เกิดขึ้นและประโยชน์ |
| นาทีที่ 31 - 40 | กระตุ้นการเผาผลาญไขมันสูงสุด: ร่างกายใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงานหลักมากขึ้น ทำให้เป็นช่วงที่ดีที่สุดสำหรับการลดไขมัน |
| นาทีที่ 41 - 60 | เพิ่มความทนทานและความแข็งแรง: กล้ามเนื้อขาและข้อต่อแข็งแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มความทนทาน (Endurance) ของร่างกาย |
การเดินที่นานขนาดนี้ไม่ได้มีประโยชน์แค่ทางกาย แต่มีผลต่อสมองและสุขภาพจิตอย่างมาก
| เวลา | สิ่งที่เกิดขึ้นและประโยชน์ |
| นาทีที่ 61 - 90 | สุขภาพจิตดีขึ้นอย่างลึกซึ้ง: การเดินนานช่วย ลดความเสี่ยงการเกิดโรคซึมเศร้า และ คลายเครียด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสมองหลั่งสารแห่งความสุข (Endorphins) ออกมาต่อเนื่อง |
| 90 นาทีโดยรวม | สมองดีขึ้น: ช่วยลดความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์ โดยเฉพาะการเดินเร็วที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น |
Jawy Dress Pattern